เรื่องของ “บ้านร้อน” ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่คนไทยจำนวนมากมักพบเจอ ด้วยสภาพอากาศอันแสนร้อนอบอ้าว อุณหภูมิเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 30 องศาเซลเซียส วิธีแก้ไขเบื้องต้นที่ได้รับความนิยมมากสุดคงหนีไม่พ้นการติดตั้งแอร์แล้วเปิดให้เย็นฉ่ำสบายใจ แต่พอค่าไฟออกมาแต่ละเดือนก็กุมขมับเลยทีเดียว จึงอยากแนะนำวิธีง่าย ๆ ในการแก้ปัญหาบ้านร้อนแบบไม่ต้องเปลืองค่าไฟ ไม่ต้องเปิดแอร์ ก็สามารถเย็นได้จริง

แก้ปัญหาบ้านร้อนด้วยวิธีง่าย ๆ ไม่ต้องเปลืองไฟเปิดแอร์

1. ติดตั้งฉนวนกันความร้อนบนหลังคาบ้าน

ในกรณีที่ตอนปลูกสร้างบ้านเลือกใช้หลังคาที่ไม่ได้ป้องกันความร้อนใด ๆ จากแสงอาทิตย์เลย เช่น หลังคากระเบื้อง การรื้อเพื่อเปลี่ยนหลังคาใหม่ทั้งหมดดูเป็นเรื่องยุ่งยากและใช้งบสูง จึงขอแนะนำให้ติดตั้งฉนวนกันความร้อนเอาไว้ด้านในของหลังคาบ้าน หรือบริเวณเหนือฝ้าก็จะช่วยป้องกันไม่ให้ความร้อนส่งผ่านเข้ามาถึงตัวบ้านด้านในได้

2. การติดตั้งกันสาดชนิดกันความร้อน

วิธีต่อมาหากแสงแดดที่ส่องเข้าบ้านทำให้บ้านอบอ้าว วิธีแก้ปัญหาบ้านร้อนง่าย ๆ ก็ให้เลือกติดตั้งกันสาดชนิดลดความร้อนบริเวณดังกล่าวแทน เช่น แดดช่วงบ่ายมักส่องเข้ามาหน้าบ้านก็ให้ติดตั้งกันสาดหน้าบ้าน สิ่งสำคัญคือวัสดุที่ใช้ต้องป้องกันความร้อนของแสงและรังสี UV ได้ดี เช่น หลังคาชินโคไลท์ หลังคาดีไลท์ หลังคาไวนิล เป็นต้น จะช่วยลดความร้อนภายในบ้านได้ดี แถมยังมีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้น ได้นั่งชิล ๆ ไม่ต้องอุดอู้อยู่แต่ในบ้าน

3. ปลูกต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา

วิธีสุดคลาสสิกสำหรับการแก้ปัญหาบ้านร้อนที่ทำได้ง่ายมากด้วยการเลือกปลูกต้นไม้ขนาดใหญ่ ให้กิ่งไม้ร่มเงาที่ดี โดยแนะนำให้ปลูกบริเวณทิศเดียวกับแสงแดดที่มักสาดส่องเข้ามา เช่น หากแดดส่องแรงมากตอนบ่ายให้ปลูกฝั่งตะวันตก ร่มเงาของต้นไม้จะบดบังความร้อนแรงดังกล่าวให้ลดน้อยลง ซึ่งจะเลือกเป็นไม้ผล ไม้ประดับ ก็ตามความชอบของแต่ละคน

4. ทาสีผนังแบบสะท้อนความร้อน

วิธีสุดท้ายที่อยากแนะนำปัจจุบันมีสีทาผนังชนิดสะท้อนความร้อนให้เลือกซื้อ คุณสามารถหาซื้อแล้วมาทาทับสีผนังเดิมของตัวบ้านได้เลย เมื่อแสงส่องเข้ามาสีของผนังจะสะท้อนแสงดังกล่าวกลับไป ตัวบ้านจึงไม่ได้รับความร้อนมาก ลดอุณหภูมิได้อย่างดีเช่นกัน

ใครถนัดวิธีไหน หรือประเมินแล้วเทคนิคแก้ปัญหาบ้านร้อนแบบใดเหมาะกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นกับตนเองอยู่ก็สามารถเลือกทำได้ตามชอบเลย แต่ทั้งนี้หากไม่มีทักษะก็แนะนำให้ใช้บริการกับมืออาชีพ มีความเชี่ยวชาญจะดีที่สุด ได้ผลลัพธ์น่าพึงพอใจ ใช้งานเต็มประสิทธิภาพ

ในการติตดั้งกันสาด หรือต่อเติมหลังคาใด ๆ ก็ตามสิ่งสำคัญไม่ใช่แค่เรื่องของการเลือกวัสดุที่มีคุณภาพ การวางแผนอย่างดีเท่านั้น แต่เรื่องของช่างที่หรือผู้ให้บริการรับติดตั้งกันสาดก็มีส่วนสำคัญที่จะทำให้งานออกมาสมบูรณ์แบบ แข็งแรงทนทาน ผลลัพธ์เป็นไปตามที่คาดหวังเอาไว้ ใช้งานโดยไม่ต้องกังวลใจใด ๆ ทั้งสิ้น จึงขอแนะนำเทคนิคที่จะช่วยให้คุณเจอช่างมืออาชีพ มากประสบการณ์ เชี่ยวชาญอย่างแท้จริง

วิธีเลือกช่างที่ดีก่อนใช้บริการรับติดตั้งกันสาด

1. ศึกษาข้อมูลให้ละเอียด

วิธีแรกถือเป็นพื้นฐานเบื้องต้นของการมองหาช่างติดตั้งกันสาดเลยก็ว่าได้ เพราะคุณจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ของช่างคนดังกล่าวอย่างละเอียดที่สุด แนะนำว่าควรเลือกช่างที่สามารถค้นหาข้อมูลได้ เช่น บริษัทรับติดตั้งกันสาด จากนั้นกดเข้าไปอ่านรายละเอียดบนหน้าเว็บไซต์จะช่วยเสริมความมั่นใจ ยิ่งถ้าเคยมีประสบการณ์กับองค์กรขนาดใหญ่ด้วยแล้วนับว่าเชื่อถือได้เลย

2. อ่านรีวิวของผู้เคยใช้บริการให้ดี

รีวิวจากลูกค้าที่เคยใช้บริการจริงเป็นสิ่งที่จะช่วยสร้างความมั่นใจได้อย่างดี เหตุเพราะคนเหล่านี้มักเป็นลูกค้าที่เคยใช้บริการจริงมาแล้วจึงรู้ถึงประสบการณ์ต่าง ๆ ที่พวกเขาได้รับเป็นอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ต้องพยายามอ่านรีวิวเยอะ ๆ เพราะปัจจุบันหลายบริษัทสามารถจ้างคนมาช่วยรีวิว หากมีลูกค้าพูดถึงในหลายแง่มุม หรือมีคนรีวิวเยอะก็ยิ่งเชื่อถือได้ชัดเจน

3. มีตัวเลือกกันสาดให้เลือกเยอะมาก

บริการรับติดตั้งกันสาดไม่ใช่แค่เรื่องของความเชี่ยวชาญจากช่าง แต่ยังต้องมองถึงตัวเลือกวัสดุกันสาดที่มีให้เลือก เพราะนั่นบ่งบอกถึงความถนัด ประสบการณ์ต่าง ๆ ของช่างได้อย่างชัดเจน และยังเป็นประโยชน์กับตัวลูกค้าที่มีโอกาสได้เลือกวัสดุหลากประเภท เทียบความคุ้มค่า ข้อดีข้อเสียต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจ

4. ราคาก็มีผลต่อการตัดสินใจ

บริการติดตั้งกันสาดอย่าลืมประเมินเรื่องราคาด้วย ย้ำว่าการเลือกช่างไม่จำเป็นต้องราคาถูกเสมอไป แต่ประเมินแล้วรู้สึกถึงความคุ้มค่าที่ตนเองได้รับ เช่น เลือกใช้วัสดุเกรดพรีเมี่ยมระดับคุณภาพ ทำงานรวดเร็ว เสร็จไวทันใจ ฯลฯ หากได้ทั้งช่างที่ดี ราคาเหมาะสม ก็นับเป็นความพิเศษของลูกค้าที่ควรค่ากับเงินทุกบาทอย่างแท้จริง

ปัจจุบันบริการรับติดตั้งกันสาดมีตัวเลือกเยอะมากให้ติดต่อ อีกวิธีที่ควรทำต้องลองสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับทางร้านเพื่อเช็กความน่าเชื่อถือ ความชำนาญมีมากน้อยแค่ไหน หากมั่นใจแล้วก็เลือกจ้างให้ดำเนินการตามที่ตนเองวางไว้ หรือให้ช่างเข้ามาดูหน้างานจริงเพื่อประเมินความเหมาะสม ได้ผลลัพธ์น่าพึงพอใจ คุ้มค่ากับเงินที่จ่าย มากไปกว่านั้นยังมีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มเติมตามที่ต้องการอีกด้วย

สำหรับบ้านที่มีรถยนต์ใช้งาน คงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนักหากต้องจอดไว้กลางแจ้ง โดยเฉพาะตอนกลางวันที่แสงแดดแรงจัดนอกจากทำให้ภายในห้องโดยสารร้อนมากแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายแบบคาดไม่ถึง หากรอบตัวบ้านพอมีพื้นที่เหลือ การติดตั้ง “หลังคาโรงรถ” จึงดูเป็นไอเดียที่น่าสนใจและช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้อย่างดีเยี่ยม อย่างไรก็ตามก่อนจะดำเนินการทำยังมีเรื่องที่ต้องควรรู้เอาไว้ดังนี้

ทำหลังคาโรงรถ ต้องประเมินขนาดให้เหมาะสม

ลำดับแรกหากคุณวางแผนทำหลังคาโรงรถ จะต้องประเมินขนาดพื้นที่ให้เหมาะสมกับจำนวนรถที่สามารถจอดได้ ตัวอย่างเช่น

• หากเป็นรถ Eco Car รถเครื่องยนต์ 1,500 CC หรือแนว City Car ทั่วไป หน้ากว้างไม่ควรต่ำกว่า 2.4 เมตร ความยาว 5 เมตร ความสูง 2.5 เมตร
• หากเป็นรถ SUV รถกระบะ หรือรถเก๋งขนาดใหญ่ หน้ากว้างไม่ควรต่ำกว่า 2.8 เมตร ความยาว 6 เมตร ความสูง 2.5 เมตร 
• หากจอดรถ 2 คัน ไม่ว่าจะรถประเภทใดก็ตาม แนะนำให้ทำหน้ากว้างไม่ต่ำกว่า 5.5 เมตร ความยาว 6 เมตร ความสูง 2.5 เมตร

ประเภทโครงสร้างที่ใช้ในการต่อเติมหลังคาโรงรถ

ลักษณะโครงสร้างสำหรับคนที่ตั้งใจต่อเติมหลังคาโรงรถจะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ซึ่งมีลักษณะแตกต่างกันชัดเจน ได้แก่

1. โครงสร้างใช้ร่วมกับตัวบ้าน

เป็นลักษณะการต่อเติมหลังคาบริเวณโรงรถโดยเพิ่มเติมจากโครงสร้างบ้านเดิมที่มีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีเสาหรือโครง มั่นคง แข็งแรง แต่ต้องประเมินน้ำหนักให้ดี เลือกใช้วัสดุน้ำหนักเบา ป้องกันการทรุดตัวของบ้านกรณีรับน้ำหนักมากเกินไป

2. โครงสร้างแยกกับตัวบ้าน

ลักษณะเหมือนการสร้างหลังคาขึ้นใหม่โดยต้องมีการทำโครงสร้างเสาแยกออกมาจากตัวบ้านชัดเจน ข้อดีคือไม่ต้องกลัวบ้านทรุด ดีไซน์ได้ตามชอบ แต่ก็แลกมาด้วยค่าใช้จ่ายสูง และต้องเลือกวัสดุที่แข็งแรง ทนทาน โดยเฉพาะบริเวณโครงสร้าง ขณะที่พื้นบริเวณทำหลังคายังต้องแข็งแรงมากพอ สามารถรับน้ำหนักได้ด้วย

วัสดุที่ใช้ในการทำหลังคาโรงรถ

มีวัสดุหลายประเภทที่ตอบโจทย์สำหรับการทำหลังคาโรงรถมาก ๆ ทั้ง หลังคาชินโคไลท์ หลังคาดีไลท์ หลังคาโพลีคาร์บอเนต สำหรับคนที่อยากให้โรงรถยังมีความสว่าง แต่ความร้อนไม่สามารถส่งผ่านลงมายังด้านล่างได้ ส่วนใครชอบความมืดทึบก็สามารถเลือกเป็นหลังคาไวนิล หรือหลังคาเมทัลชีทได้เช่นกัน เน้นเลือกวัสดุที่มีน้ำหนักเบาไว้ก่อน

การทำหลังคาโรงรถหากคุณมีพื้นที่บริเวณบ้านเหลือนอกจากทำให้บ้านดูมีระเบียบ รถไม่จอดเกะกะขวางทางแล้ว ยังเป็นอีกเทคนิคดี ๆ ในการดูแลรักษารถยนต์ให้ยังคงมีคุณภาพ สามารถใช้งานได้แบบไม่ต้องกังวลใจ แม้แดดกลางแจ้งร้อนแค่ไหนก็ยังพร้อมขึ้นโดยสารทันที ดังนั้นอย่าลืมทำตามคำแนะนำทั้งหมดด้วย

ปกติแล้วเมื่อเอ่ยถึงการต่อเติมกันสาดที่บ้านของตนเองคนส่วนมากก็จะนึกถึงเฉพาะบริเวณหน้าบ้านเป็นหลัก เพราะนี่คือจุดที่คนในบ้านส่วนใหญ่อยู่อาศัยกัน แต่ในความเป็นจริงหากคุณเลือกต่อเติมด้วยกันสาดโปร่งแสงไม่ว่าจะเป็นกันสาดชินโคไลท์ กันสาดไฟเบอร์กลาส กันสาดดีไลท์ โพลีคาร์บอเนต ฯลฯ ก็สามารถติดตั้งบริเวณอื่นของตัวบ้านได้อีกด้วย ใครยังคิดไม่ออกจะขอแนะนำให้ลองนำไปทำตามกันเลย!

แนะนำบริเวณน่าสนใจในการติดตั้งกันสาดโปร่งแสง

1. ทุกจุดเหนือประตูและหน้าต่าง

สำหรับใครที่กังวลใจว่าเวลาฝนตกน้ำฝนจะกระเด็นสาดเข้ามาบริเวณขอบประตู–หน้าต่าง สามารถติดตั้งกันสาดชนิดโปร่งแสงได้เลย ซึ่งไม่ใช่แค่กันฝนแต่ยังกันความร้อนและรังสี UV ส่องผ่านอีกต่างหาก เหนือสิ่งอื่นใดแสงตอนกลางวันยังคงสาดส่องเข้ามาเพิ่มความสว่างในบ้านได้เหมือนเดิม แต่สภาพอากาศจะไม่ร้อนจนเกินไป

2. ลานจอดรถ / โรงจอดรถ

อาจไม่เชิงเป็นพื้นที่หน้าบ้านเสมอไป เช่น คุณจอดรถไว้ด้านข้างตัวบ้าน หรือบริเวณสนามหน้าบ้าน แต่อยากให้รถมีร่มเงาคอยบดบังแสงแดดและความร้อน การเลือกกันสาดโปร่งแสงติดตั้งบริเวณดังกล่าวก็เป็นอีกวิธีที่ได้รับความนิยมมาก แนะนำเลือกวัสดุน้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย เพื่อโครงสร้างจะได้ไม่รับน้ำหนักมาเกินไป 

3. บริเวณหลังบ้าน

นอกจากหน้าบ้านแล้วทุกครอบครัวยังสามารถติดตั้งกันสาดประเภทนี้บริเวณหลังบ้านได้ เพราะจุดดังกล่าวสามารถใช้ประโยชน์ได้เยอะ เช่น ทำเป็นพื้นที่ซักผ้า ทำอาหาร ตากผ้า ฯลฯ การใช้กันสาดแบบโปร่งแสงจึงช่วยให้แสงยังคงส่องสว่างเข้ามาแต่ปราศจากรังสี UV และความร้อน เพิ่มพื้นที่ใช้สอยของตัวบ้านให้มากขึ้นกว่าเดิม สร้างกิจกรรมดี ๆ กับครอบครัวตามสะดวกเลย

4. พื้นที่ด้านข้างตัวบ้าน

จุดสุดท้ายที่อยากแนะนำหากคุณเป็นบ้านเดี่ยวแล้วพื้นที่บริเวณด้านข้างเหลือ อย่าปล่อยให้หญ้าขึ้นรกและเสียพื้นที่โดยใช่เหตุ ลองติดตั้งกันสาดโปร่งแสงดูแล้วจะรู้ว่าสามารถใช้ประโยชน์ได้อีกเยอะมาก เช่น ทำเป็นพื้นที่นั่งเล่น นอนเล่นพักผ่อน ทำเป็นห้องส่วนตัวสำหรับทำงาน ห้องเก็บเครื่องมือทำสวน อุปกรณ์ซ่อมรถ และอีกสารพัดไอเดียในการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยของบ้านให้เยอะกว่าเดิม

จากคำแนะนำเหล่านี้จะเห็นชัดเจนว่ากันสาดโปร่งแสงไม่ได้มีดีแค่เรื่องของการติดตั้งบริเวณหน้าบ้านเท่านั้น แต่ยังสามารถเพิ่มพื้นที่ส่วนอื่น ๆ ให้ใช้ประโยชน์ได้แบบหลากหลายอีกด้วย ใครอยากนำเอาแนวคิดนี้ไปใช้ หรือต้องการสร้างพื้นที่สำหรับครอบครัว บริเวณส่วนตัวสำหรับพักผ่อนในวันหยุดก็ตามสะดวกเลย แต่อย่าลืมเลือกวัสดุที่มีคุณภาพ ป้องกันความร้อนและรังสี UV ด้วย

ด้วยสภาพอากาศของเมืองไทยมีอุณหภูมิความร้อนเฉลี่ยแตะระดับ 30 องศาเซลเซียส ซึ่งไม่ได้มีแค่ค่าความร้อนเท่านั้นแต่ยังมาพร้อมรังสี UV ภัยร้ายของแสงอาทิตย์ที่สร้างปัญหาอันใหญ่หลวงได้หากไม่รู้วิธีป้องกันอย่างถูกต้อง ดังนั้นใครที่จะเลือกติดตั้งกันสาดหน้าบ้านเพื่อป้องกันแสงไม่ให้เข้ามาสัมผัสกับคนในครอบครัว อย่าคิดว่าแค่เลือกวัสดุแบบใดก็ได้แต่ต้องมั่นใจถึงประสิทธิภาพ และคุณสมบัติชั้นยอดในการป้องกันรังสีดังกล่าว

ติดตั้งกันสาดหน้าบ้านต้องวัสดุป้องกันแสง UV 

คนส่วนใหญ่มักคิดว่าการที่ร่างกายสัมผัสกับแสงแดดเป็นเวลานานอย่างมากก็แค่ผิวคล้ำขึ้น รวมถึงบางคนยังเข้าใจผิดเวลาอยู่ในร่มแล้วจะไม่พบเจอรังสี UV เพราะความเป็นจริงรังสีตัวนี้สามารถทะลุผ่านชั้นบรรยากาศและวัสดุที่มีความใส เช่น กระจก ได้มากถึง 75% นั่นเท่ากับว่าต่อให้คุณจะทำหลังคา ทำกันสาด แบบโปร่งแสงแต่เลือกวัสดุที่ไม่ได้มีคุณสมบัติป้องกันหรือสะท้อนรังสีใด ๆ ร่างกายก็ยังคงได้รับเข้าไปแทบไม่ต่างจากการยืนกลางแจ้งเลยแม้แต่นิดเดียว

การเลือกวัสดุสำหรับติดตั้งกันสาดหน้าบ้านจึงต้องมั่นใจว่ามีประสิทธิภาพมากพอเพื่อลดโอกาสเสี่ยงที่ผิวจะสัมผัสกับรังสี UV ดังกล่าว แต่อีกด้านหนึ่งก็ยังคงต้องการความสว่างจากลักษณะที่โปร่งแสง จึงขอแนะนำ 2 วัสดุชั้นยอดนี้ให้ลองใช้กันเลย

1. หลังคาชินโคไลท์

หลังคาโปร่งแสงที่ผลิตจากอะคริลิกคุณภาพสูง เนื้อวัสดุสะอาด มองเห็นภายนอกได้ชัดเจน แต่สามารถป้องกันรังสี UV ได้กว่า 90% ไม่ให้ผ่านลงมาถึงด้านล่าง หรือใครจะชอบแบบมีสีเพิ่มความทึบไม่ต้องสว่างจ้าเกินไปก็ได้เช่นกัน 

2. หลังคาดีไลท์

อีกตัวเลือกชั้นยอดของวัสดุทำกันสาดหน้าบ้าน จุดเด่นสำคัญคือการเป็นวัสดุที่สามารถป้องกันรังสี UV ได้มากกว่า 99% อีกทั้งยังมีความโปร่งแสง ให้ความสว่างชัดเจน บ้านดูโมเดิร์น ทันสมัย แสงที่ทะลุผ่านเข้ามาดูสบายตา น้ำหนักเบา ลอนขนาดเล็กไม่ทำให้มีน้ำขัง

อันตรายจากรังสี UV มีมากกว่าที่คิด

หากใครยังนึกภาพไม่ออกว่าการสัมผัสกับรังสี UV ปริมาณมากเป็นเวลานานจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกาย ขอสรุปให้ใจกันง่ายขึ้น

• ผิวดำคล้ำ ไหม้แดด ใบหน้าหมองคล้ำ ขาดความมั่นใจ
• เกิดโรคผิวหนังต่าง ๆ เช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำ 
• มีรอยเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร
• เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนัง

การจะเลือกทำกันสาดหน้าบ้านต้องมั่นใจว่าวัสดุที่ใช้งานมีคุณภาพจริง อาจลงทุนเพิ่มขึ้นอีกนิดแต่ชีวิตมีความสุขมากขึ้น ลดโอกาสเกิดโรคร้ายได้อีกหลายเท่า ใครที่กำลังวางแผนเตรียมติดตั้งกันสาดกันอยู่แล้ว วัสดุที่แนะนำไปคือทางเลือกที่อยากให้ลองพิสูจน์ด้วยตนเอง

หลังคากันความร้อนทำกันสาด เลือกแบบไหนตอบโจทย์ที่สุด

1. หลังคาไวนิล ทนและกันความร้อนได้ดีมาก

สำหรับคนที่กำลังสร้างบ้านของตนเอง หรือมีการรีโนเวทบ้านและเปลี่ยนหลังคา หากต้องการหลังคากันความร้อน สำหรับทำกันสาดแนะนำให้เลือกใช้เป็น “หลังคาไวนิล” ซึ่งผลิตจาก UPVC หรือ Unplasticized Poly Vinyl Chloride มีคุณสมบัติเด่นในด้านการป้องกันความร้อนไม่ให้ทะลุเข้ามาด้านล่าง ยิ่งถ้าเลือกใช้หลังคาสีขาวซึ่งเป็นสีไม่ดูดความร้อนด้วยแล้ว สภาพอากาศภายในบ้านของคุณจะเย็นลงจนสัมผัสได้ชัดเจนเลยทีเดียว

2. หลังคาชินโคไลท์เพิ่มความสว่างและกันความร้อน

การเลือกมุงหลังคาบ้านไม่ใช่แค่เฉพาะตัวบ้านเท่านั้น แต่บริเวณระเบียง หรือส่วนหน้าบ้านก็เป็นอีกจุดที่หลายครอบครัวนิยมใช้เป็นพื้นที่พักผ่อน ทำกิจกรรม จึงต้องเพิ่มความสว่าง ช่วยประหยัดค่าไฟในตอนกลางวัน ซึ่งการเลือกวัสดุหลังคาโปร่งแสงที่สามารถป้องกันความร้อนได้ขอยกให้กับ “หลังคาชินโคไลท์” ด้วยวัสดุแบบพิเศษจึงช่วยกรองปริมาณแสงและป้องกันรังสี UV ไม่ให้ส่งผ่านลงมายังด้านล่างอีกด้วย เพิ่มพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านแบบไม่ต้องกลัวร้อน

3. หลังคาแผงโซล่าเซลล์

ปัจจุบันมีการดีไซน์หลังคาที่สามารถติดตั้งแผ่นโซล่าเซลล์สำหรับใช้งานชนิด 2 in 1 ได้เลย ไม่ต้องเสียเงิน เสียเวลาเพิ่มในการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ภายหลังสำหรับคนที่อยากประหยัดไฟ ข้อดีของหลังคาประเภทนี้คุณจะได้ทั้งการป้องกันแสงและรังสีความร้อน ขณะเดียวกันก็ยังได้พลังงานไฟฟ้าสำหรับใช้อีกด้วย อย่างไรก็ตามราคาการติดตั้งถือว่าสูงมาก

4. หลังคาโพลีคาร์บอเนต

ประเภทหลังคากันความร้อนอีกชนิดที่เหมาะสำหรับใช้ทำกันสาดหน้าบ้านต้องยกให้กับวัสดุกลุ่มโพลีคาร์บอเนต แต่มีข้อแนะนำว่าควรเลือกสีชาเพราะจากผลทางห้องปฏิบัติการสามารถกันแสงอาทิตย์ได้มากถึง 65% เลยทีเดียว

ใครที่ยังกังวลใจเกี่ยวกับการทำกันสาดหน้าบ้านแล้วอยากได้หลังคากันความร้อน นี่คือตัวเลือกวัสดุที่จะช่วยให้ทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายขึ้นกว่าเดิม ตอบโจทย์กับการอยู่อาศัยของคนเขตเมืองร้อนแบบบ้านเราขนานแท้ แถมยังมองหาผู้ให้บริการง่ายดายอีกด้วย